สำหรับใครหลายคนโดยเฉพาะเหล่ามนุษย์ออฟฟิศ กาแฟดีๆ ในตอนเช้าอาจเปลี่ยนให้ร่างกายอันไร้ชีวิตชีวากลายเป็นร่างที่กระปรี้กระเปร่าไปได้ตลอดทั้งวัน ไม่เพียงเท่านั้น หากมองเข้าไปให้ลึกกว่าที่เคยกาแฟไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มที่ช่วยให้เรามีพลัง แต่กลับซ่อนรายละเอียดที่มากมาย ตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดกาแฟหรือกรรมวิธีการผลิตที่ให้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน หรืออาจจะเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ไปตามแต่ละแก้วที่ได้ดื่ม สิ่งเหล่านี้เป็นโลกภายในแก้วกาแฟที่น่าค้นหาและชวนให้เราได้เข้าไปลิ้มลองและนอกจากโลกภายในแก้วกาแฟแล้วนั้น โลกธุรกิจกาแฟก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน จะเป็นอย่างไรนั้น เหล่าคอกาแฟมาอัปเดตไปพร้อมกันเลย

ตลาดกาแฟเย็นทั้งโลกกำลังมาแรงอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา อ้างอิงได้จากงานวิจัยธุรกิจกาแฟล่าสุดจาก Allegra World Coffee Portal USA ตลาดกาแฟเย็นมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 7.3% ซึ่งมากกว่ากาแฟร้อนซึ่งอยู่ที่ 4.6% ถึงเกือบเท่าตัว นอกจากนี้ในหมู่กาแฟเย็นเองก็ยังมีตัวชูโรงอยู่อีกด้วย นั่นก็คือ “กาแฟสกัดเย็น” หรือ Cold Brew เทรนด์ที่กำลังน่าจับตามองทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 80% สูงสุดในบรรดาหมู่เครื่องดื่มในหมวดชากาแฟเลยทีเดียว สังเกตได้เลยว่าในกลุ่มธุรกิจกาแฟไทยหลายแบรนด์เองก็ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นกาแฟสกัดเย็นเช่นเดียวกัน ที่สำคัญ ไม่ต้องเดินทางไปถึงร้านเท่านั้น แต่ยังสามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่การสั่งซื้อเป็นถุงลิตรขนาดใหญ่เพื่อสต็อกไว้ดื่มที่บ้านได้ด้วย

ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ยากมากและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่พยายามลดความหวานในกาแฟลงด้วยความห่วงใยสุขภาพมากขึ้น รสชาติที่หอมละมุน ดื่มง่าย และมีความเปรี้ยวที่ไม่มากนัก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มได้หลากหลายชนิด จะเติมน้ำเปล่าหรือนมก็ดื่มได้ง่ายๆ หรือจะเพิ่มสีสันด้วยการผสมกับน้ำผลไม้หรือโซดาก็จะได้สูตรกาแฟที่น่าลิ้มลองอีกมากมายเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมกาแฟสกัดเย็นหรือ Cold Brew นั้นจึงตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน และเชื่อได้เลยว่า Cold Brew จะเป็นผลิตภัณฑ์ชูโรงในโลกธุรกิจกาแฟไปอีกสักพักเลยทีเดียว

การระบาดของ COVID-19 ทำให้ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบมาสู่ธุรกิจกาแฟเช่นเดียวกัน

จากผลพวงของมาตรการ Social Distancing ทำให้คนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต จากเดิมที่เคยนั่งในร้านกาแฟ ทำงานแบบชิลๆ ก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป และถึงแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นก็ไม่ย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นธุรกิจกาแฟที่มีจุดขายด้วยร้านที่เป็นพื้นที่สบายๆ สำหรับการทำงาน หรือคาเฟ่สวยๆ ที่มีมุมให้ถ่ายรูป จึงอาจต้องหาจุดขายเพิ่มเติมเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับตนเอง

หนึ่งในหนทางที่แบรนด์กาแฟหลายเจ้าใช้คือเปลี่ยนประสบการณ์จากการนั่งในร้าน สู่บริการ Delivery และ Pickup ที่รวดเร็วและดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่ในธุรกิจกาแฟอย่าง Starbucks เองที่วางแผนที่จะปิดสาขากว่า 400 สาขาในสหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Pickup ให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และในประเทศไทยเองก็ได้มีการเริ่มนำเครื่อง Starbucks We Proudly Serve ที่ไม่ต้องรอบาริสต้าชงให้ แต่เราสามารถกดเลือกกาแฟสุดพรีเมียมจากเครื่องอัตโนมัติได้เองมาใช้งานแล้วที่แรกที่สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงจาก The Third Place ของ Starbucks สู่ก้าวใหม่ๆ ที่โลกธุรกิจกาแฟในปัจจุบันต้องจับตามอง

แม้จะมีสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนจากอุปสรรคต่างๆ ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2020 แต่ธุรกิจกาแฟโดยเฉพาะร้านกาแฟพรีเมียมที่อาศัยการออกแบบประสบการณ์ที่ให้กับผู้บริโภคทั้งการพักผ่อน พบปะเพื่อนฝูง หรือนั่งทำงาน ก็ยังคงมีสีสันให้เห็นอยู่เช่นเดียวกัน ด้วยการเปิดสาขาของแบรนด์กาแฟพรีเมียมชื่อดังจากต่างประเทศที่เลือกไทยเป็นเป้าหมายในการทำธุรกิจกาแฟพรีเมียมของตนเองในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาลงทุนในไทยของ Tim Hortons แฟรนไชส์กาแฟสุดเก๋าจากแคนาดา ด้วยสาขากว่า 4,850 สาขาทั่วโลก พร้อมการตั้งเป้าเปิด 15 สาขาในประเทศไทยภายในปีนี้ ก็นับว่าน่าสนใจทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอีกแบรนด์กาแฟจากญี่ปุ่นอย่าง % Arabica ที่คนไทยต่างเฝ้ารอให้เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยและในที่สุดฝันของหลายคนก็ได้กลายเป็นจริงด้วยการเปิดสาขาแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ณ ICONSIAM ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาดีมากถึงแม้ว่าจะต้องสู้กับภัย COVID ที่เพิ่งเริ่มคลี่คลายในขณะนั้นก็ตาม

จุดเด่นของทั้งสองแบรนด์ที่ทำให้ทั้งคู่อยู่ในกลุ่มผู้นำของธุรกิจกาแฟคือการออกแบบประสบการณ์ เริ่มตั้งแต่กรรมวิธีการคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นดีมาผลิตเป็นกาแฟสุดพิเศษ การตกแต่งร้านที่ออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค รวมถึงการรักษามาตรฐานคุณภาพทั้งสินค้าและบริการที่ดีเลิศ รวมทั้งการเปิดสาขาแรกในไทยปลายปีนี้ของ Café Kitsune จากแบรนด์หมาจิ้งจอก Maison Kitsune ตัวพ่อแห่งวงการแฟชั่นที่มีร้านกาแฟกว่า10 สาขาทั่วไทยโลก ที่ล่าสุดกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในธุรกิจกาแฟในประเทศไทย แน่นอนว่าไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังรวมถึงสไตล์การแต่งร้าน สินค้าจากแบรนด์ และการใช้เพลย์ลิสต์ Kitsune Musique มาใช้สร้างประสบการณ์ของร้านจนเหล่าสาวกตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อจากการที่แบรนด์กาแฟเหล่านี้เลือกไทยเป็นประเทศเป้าหมายในการเข้ามาเปิดตลาดใหม่นั้นก็ทำให้เห็นได้ว่า ธุรกิจกาแฟในไทยยังมีที่มากพอให้ผู้เล่นใหม่ๆ ได้เข้ามาชิงพื้นที่ตลาดแน่นอน

อีกหนึ่งบริการที่ไม่ใช่บริการใหม่สำหรับธุรกิจกาแฟ แต่กลับได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลกจากภัยการระบาดของ COVID-19  คือ Coffee Subscription บริการสุดพิเศษที่หลายแบรนด์กาแฟเริ่มนำมาใช้มากขึ้นเพื่อปรับตัวกับโลกธุรกิจกาแฟที่เปลี่ยนไป โดยวิธีการใช้บริการเพียงสมัครสมาชิก ทางร้านก็จะส่งผลิตภัณฑ์กาแฟอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยแต่ละเจ้าก็จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างกันไป เช่น White Coffee Company ประเทศญี่ปุ่นที่ส่งกาแฟให้เทสต์ส่งตรงถึงบ้านแล้วสามารถคอมเมนต์เข้ามาได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน หรือ PostCoffee Co.ประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกันที่ทำกาแฟพิเศษเฉพาะลูกค้าคนนั้นๆ ผ่านแบบสอบถามลักษณะนิสัย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนุกมากทีเดียว

ในประเทศไทยเองแบรนด์กาแฟชื่อดังหลายๆ แบรนด์ก็มีบริการ Coffee Subscription ให้คอกาแฟลองใช้บริการกันบ้างแล้ว

ดังนั้นหากใครสนใจก็ลองตามหาแบรนด์ที่ถูกใจแล้วสมัครสมาชิกเพื่อรับบริการพิเศษแบบนี้กันได้เลย

สังเกตได้ว่าระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา แม้จะมีแบรนด์กาแฟบางรายต้องบอกลาปิดจ๊อบหายไปจากธุรกิจกาแฟ แต่ก็ยังมีดาวรุ่งพุ่งแรงและการปรับตัวของแบรนด์อื่นๆ ที่ยังเป็น The Survivor อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเวลาที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็คงต้องปรับวิถีการดื่มไปพร้อมการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน อัปเดตข้อมูลโลกธุรกิจกาแฟกันไปแล้ว ลองหาเวลาจิบกาแฟสักแก้ว เผื่อจะช่วยปลุกแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเองหรือแบรนด์ของคุณต่อไปก็เป็นได้